คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนไทยที่แท้จริงใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะคุ้นเคยดีกับนิสัย 8 ประการนี้ในทุกวัฒนธรรมจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันเสมอและคุณอาจจะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของคุณจนคุณมองข้ามเอกลักษณ์ที่น่าสนใจของมันไป! แต่ถ้าคุณมีคำถามว่า 'ทำไม' อะไรที่อยู่เบื้องหลังนิสัยเหล่านี้เราจะอธิบายให้คุณทราบในทุกๆข้อ!
1. ใช้เลข 5 เพื่อสื่อในการหัวเราะ
เครดิตภาพ: Volt GK Plus
ตัวอย่าง: “ดูคนนั้นเต้นสิตลกมาก 555555”
เสียงหัวเราะของไทยก็เหมือนกับตัวเลขของดนตรีในภาษาไทยเลข '5(ห้า)' มีเสียงเดียวกับคำว่า 'ฮ่า' เวลาดูสื่อไทยโพสต์หรือแชทบนโซเชียลคนไทยเรามักใช้ 55555 เพื่อแสดงปฏิกิริยาหัวเราะออกมาดังๆยิ่งเลข 5 เยอะมากเท่าไหร่ก็เท่ากับเสียงหัวเราะที่มากขึ้น!
2. ใช้อาหารแทนการแสดงความรัก
Source
ตัวอย่าง: “สวัสดีครับทานข้าวหรือยังครับ?”
“ทานข้าวหรือยังคะ? อิ่มไหม?” เป็นทั้งคำทักทายและการแสดงออกถึงความห่วงใยเรื่องปากท้องต้องมาก่อนทุกอย่างเสมอ!
เพื่อให้มั่นใจว่าครอบครัวและคนที่คุณรักจะไม่ต้องหิวโหยอย่าลืมเก็บกระปุกอาหาร Food Jar ไว้ใกล้ตัวและไม่เพียงแค่จะเติมเต็มท้องของพวกเขาให้อิ่มแต่ยังสามารถเติมใจของพวกเขาให้อบอุ่นไปพร้อมกันด้วยอาหารทำเองฝีมือคุณบอกลาความหิวไปได้ตลอดกาล!
3. หางเสียงตามแบบฉบับไทย
เครดิตภาพ: Thailand Foundation
ตัวอย่าง: “ผัดไทยจานนี้ของคุณพี่นะทานให้อร่อยค่ะ”
ภาษาไทยเป็นภาษาที่น่าเพลิดเพลินที่สามารถแใช้ได้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล – มันเหมือนกับการร่ายรำทางภาษาแห่งความสุภาพ! เป็นเรื่องปกติที่จะเติมหางเสียงเล็กน้อยต่อท้ายประโยคในภาษาไทย: "ค่ะ/คะ" สำหรับเพศหญิง "นะ" สำหรับทั่วๆไปและ "ครับ" สำหรับเพศชายหากว่าชาวต่างชาติจะเติมหางเสียงไว้ต่อท้ายประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆคนไทยก็ยังพบว่ามันน่ารักและซาบซึ้งถึงความใส่ใจในภาษาที่อยู่เบื้องหลังคำพูดนั้น
4. ลากเสียงยาวๆสูงๆในคำทับศัพท์
Source
ตัวอย่าง: “เจนนิเฟอร์ร์ร์ดื่มนมช็อกโกแล็ตจากกระบอกน้ำทัมเล่อร์ร์ ขณะที่เล่นเกมสตรีทไฟ้ทเตอร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ร์ร์”
ทิงลิช (Tinglish (Thai-English)) มีความแปลกที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยการลากเสียงยาวและสูงขึ้นคุณสามารถบอกได้ว่าคนไหนเป็นคนไทยโดยสำเนียงการลากเสียงเอ้อร์หรือคำทับศัพท์ต่างๆเพราะมันเป็นธรรมชาติในภาษาของเราที่จะมีเสียงวรรณยุกต์ในทุกๆคำ
5. ใช้ปัญหาท้องเป็นข้อแก้ตัว
Source
ตัวอย่าง: “วันนี้ท้องเสียไปโรงเรียนไม่ได้ขอลา 1 วัน”
กำลังมองหาข้อแก้ตัวจากภาระผูกพันทางสังคมหรือเปล่าคะ? ลองพูดว่า 'ฉันท้องเสีย' หรือ 'ฉันปวดท้อง' เป็นวิธีโกงๆที่ใช้กันทั่วไปในการหลีกเลี่ยงโรงเรียนท่ีทำงานหรือการนัดหมายซึ่งมันเป็นการยากที่จะตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่านอกจากนี้โดยทั่วไปคนเรามักจะเห็นอกเห็นใจต่ออาการป่วยอยู่แล้ว (รวมถึงเรื่องปากท้องเช่นเดียวกับประเด็นที่ 2) เจ้าเล่ห์ใช่มั้ยคะ? แต่อย่าใช้บ่อยจนเกินไปเพราะคนอื่นอาจเริ่มจับได้!
6. ‘ไหม’ – ทำให้ทุกประโยคเป็นคำถาม
Source
Example: "กินไหมi?" (“Do you want to eat ไหม?”)
"ไหม" เป็นคำวิเศษที่สามารถใช้เติมหลังประโยคเพื่อเปลี่ยนข้อความบอกเล่าให้เป็นคำถามได้ เช่น "กินข้าวไหม?" "ไหม" เหมือนกับคำว่า "eh" หรือ "huh" ในภาษาอังกฤษ คำง่ายๆคำนี้เป็นชูรสในภาษาในทุกๆวันของเรา มักจะจบประโยคด้วยเสียงสูง!
7. เสียงผันวรรณยุกต์ทั้ง 5
Source
ตัวอย่าง: “Khai Khai Khai Kai?” (“ใคร ขาย ไข่ ไก่?”)
ในภาษาไทยเรานั้นมี 5 โทนเสียง การผันวรรณยุกต์ที่ต่างกันในแต่ละคำ ทำให้คำมีความหมายที่ต่างกัน มีทั้งเสียงสามัญ เอก โท ตรี จัตวา ทำให้ชาวต่างชาติอาจจะมึนตึงและลิ้นพันกันได้ ทั้งๆที่เราเคยชินและใช้เสียงวรรณยุกต์ต่างๆในทุกๆวันเป็นเรื่องปกติ
8. ฉ่ำ
Source
ตัวอย่าง: “ ฟ้าไม่มาทำงานอาทิตย์นี้หรอก นางเที่ยวฉ่ำอยู่”
คุณสามารถใช้คำว่า “ฉ่ำ” เพื่อเติมเต็มคำกิริยาให้ได้อารมณ์มากยิ่งขึ้น “ฉ่ำ” แปลว่าอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อคุณเติมคำว่าฉ่ำในการกระทำทุกๆอย่าง ก็จะแสดงให้เห็นว่าคุณสนุกและเต็มที่กับชีวิตในทุกกิจกรรมฉ่ำๆ!
คุณรู้จักและมีนิสัยเหล่านี้กี่ข้อกันคะ? หากคุณมีนิสัยเหล่านี้เกินครึ่ง ยินดีด้วยค่า! ระดับความเป็นไทยของคุณพุ่งสูงเกินต้าน!